สวัสดีเพื่อนๆ กลับมาพบกันอีกครั้งค่า
วันนี้ Beauty Town มาแบ่งปันสาระดีดีให้กับเพื่อนๆ เกี่ยวกับ Trend สุดฮิตของสาวๆ ปัจจุบันนี้ นั่นก็คือ “การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ” การฉีดฟิลเลอร์เป็นทางเลือกหนึ่ง เพื่อเพิ่มเนื้อปาก และปรับขนาดโครงสร้างปากให้ดูเหมาะสมตามสัดส่วน ให้ริมฝีปากบางดูอวบอิ่มมากยิ่งขึ้น และเป็นรูปทรงกระจับที่สวยงาม โดยไม่ต้องผ่าตัดนั่นเอง เป็นทางเลือกใหม่ให้สาวๆ ได้สวยครบตรงตามที่ต้องการอย่างแน่นอน วันนี้ ชวนกันมาทำความรู้จักกับ ฟิลเลอร์ปากกระจับว่าคืออะไร มีขั้นตอนการฉีดอย่างไร มียี่ห้ออะไรบ้าง มีประโยชน์ข้อดี ข้อเสีย รวมถึงการเตรียมตัวก่อนและหลังฉีดต้องทำอย่างไร มาดูรายละเอียดกันที่นี่ได้เลยค่ะ
ฟิลเลอร์ปากกระจับ คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ปากกระจับ เป็นกระบวนการหนึ่งทางการแพทย์ที่ใช้ในการเสริมรูปทรงปากแบบไม่ต้องผ่าตัด ทำได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ที่ปาก ซึ่งเป็นหนึ่งในการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA เข้าไปในริมฝีปาก เพื่อให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม และยกกระชับขึ้น และดูมีลักษณะที่คมชัดมากขึ้น รวมถึงสามารถปรับแต่งรูปร่างของปากให้เหมาะสมกับทรงหน้าของแต่ละบุคคลได้อย่างละเอียดที่สุด
ฟิลเลอร์ปากกระจับ มีขั้นตอนอย่างไร?
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ แพทย์จะทำการประเมินรูปทรงปาก และสัดส่วนของเนื้อปาก และออกแบบทรงปากให้เหมาะสำหรับใบหน้าของคนไข้แต่ละคน จากนั้นจะฉีดยาชาบริเวณริมฝีปาก เพื่อให้คนไข้รู้สึกสบายตัวระหว่างการฉีด จากนั้น จึงฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณริมฝีปาก โดยแพทย์จะค่อย ๆ ปรับทรงปากให้สวยงามเป็นธรรมชาติ ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ จะคงอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน หลังจากนั้นอาจต้องมีการฉีดซ้ำเพื่อคงสภาพของริมฝีปากได้นานมากยิ่งขึ้น
ฟิลเลอร์ปากกระจับ มีวิธีฉีดอยู่ 2 วิธีหลัก ๆ ด้วยกัน คือ
วิธีฉีดแบบใช้เข็ม
เป็นวิธีฉีดฟิลเลอร์แบบดั้งเดิม โดยแพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็ก ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณริมฝีปาก โดยแพทย์จะค่อย ๆ ปรับทรงปากให้สวยงามเป็นธรรมชาติตามความต้องการ โดยวิธีนี้อาจทำให้เกิดรอยช้ำและบวมได้บ้าง แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์
วิธีฉีดแบบใช้ Cannula
เป็นวิธีฉีดฟิลเลอร์แบบใหม่ โดยแพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กปลายแหลมยาว คล้ายท่อพลาสติก เรียกว่า Cannula ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณริมฝีปาก โดยวิธีนี้จะไม่ทำให้เกิดรอยช้ำ และบวมมากเท่าวิธีฉีดแบบใช้เข็ม แต่วิธีนี้อาจต้องใช้แพทย์ที่มีความชำนาญในการฉีดมากกว่า
นอกจากนี้ แพทย์อาจเลือกใช้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์แบบอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น การฉีดฟิลเลอร์เพิ่มวอลลุ่ม บริเวณมุมปาก เพื่อยกมุมปากให้ดูยิ้มแย้มขึ้น หรือ การฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปทรงขอบปากให้โค้งมนขึ้น เป็นต้น
โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีฉีดฟิลเลอร์ และเทคนิคการฉีดที่เหมาะสมกับความต้องการของคนไข้แต่ละราย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและปลอดภัยที่สุด ทั้งนี้ ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยด้วย
ฟิลเลอร์ปากกระจับ ควรใช้ยี่ห้อไหน รุ่นไหนดี ?
ฟิลเลอร์ปากกระจับยี่ห้อไหน รุ่นไหนดีนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ความต้องการ และความชอบของแต่ละบุคคล บางคนต้องการปากที่อวบอิ่มมากๆ บางคนต้องการปากที่อวบอิ่มแบบธรรมชาติ บางคนต้องการปากที่มีทรงกระจับชัดเจน บางคนต้องการปากที่ยกมุมปาก เป็นต้น
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของริมฝีปาก หากริมฝีปากมีร่องลึกหรือขาดความกระชับ อาจต้องใช้ฟิลเลอร์เนื้อแน่นกว่า
แน่นอนที่สุด อีกปัจจัยขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีดของแพทย์ แพทย์ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญจะสามารถฉีดฟิลเลอร์ให้ได้ทรงปากและผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการของคนไข้
สำหรับฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดริมฝีปาก สามารถฉีดได้หลายรุ่น ยี่ห้อและรุ่นยอดนิยม มีรายละเอียด ดังนี้
Juvederm Ultra Plus
เป็นฟิลเลอร์ปากที่ผลิตโดยบริษัท Allergan จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีคุณสมบัติเนื้อแน่น คงรูปได้ดี เหมาะกับการฉีดปากกระจับแบบอวบอิ่ม
- Juvederm Vobella (รุ่น Allergan) สามารถปั้นทรงรูปปากได้ง่าย และยังมีความเป็นธรรมชาติ สามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 18 เดือน
- Juvederm Ultra Plus เนื้อนิ่มและฟูมาก เหมาะกับคนที่ต้องการปากอวบอิ่มแบบฝรั่ง (อยู่ได้นาน 12 เดือน)
- Juvederm Voluma เนื้อแข็ง แน่น ฟูปานกลาง อยู่ได้นานที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปากอวบอิ่มและอยู่ได้นาน (อยู่ได้นาน 18 เดือน)
- Juvederm Volite เหมาะสำหรับผิวปากชุ่มชื่น ร่วมกับริมฝีปากอวบอิ่มเซ็ก (อยู่ได้นาน 8-12 เดือน)
Restylane Kysse
เป็นฟิลเลอร์ปากที่ผลิตโดยบริษัท Galderma จากประเทศสวีเดน มีคุณสมบัติอ่อนนุ่ม ยืดหยุ่นสูง เนียนเรียบเป็นธรรมชาติ เหมาะกับการฉีดปากกระจับแบบธรรมชาติ
- Restylane Refyne เนื้อเจลยืดหยุ่นผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ (อยู่ได้นาน 12 เดือน)
- Restylane Volyme เนื้อนิ่มปานกลาง ฉีดแล้วดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน (อยู่ได้นาน 18 เดือน)
- Restylane Vital Light เหมาะสำหรับแก้ไขริมฝีปากแห้ง ให้ผิวปากชุ่มชื้นโดยไม่ต้องการเติมปาก (อยู่ได้นาน 6-12 เดือน)
- Restylane Kysse (อยู่ได้นาน 12 เดือน) เหมาะสำหรับสร้างขอบริมฝีปากให้ชัดเจน อวบอิ่ม
Belotero Lips
เป็นฟิลเลอร์ปากที่ผลิตโดยบริษัท Merz Aesthetics จากประเทศเยอรมนี มีคุณสมบัติเนื้อเนียนละเอียด เหมาะกับการฉีดปากกระจับแบบอวบอิ่ม และยกกระชับ
- Belotero จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่มี 2 รุ่นที่เหมาะกับใช้ฉีดปากก็คือ
- Belotero Balance (สีส้ม) เนื้อฟิลเลอร์มีความแน่นและนิ่มอยู่ในระดับปานกลาง (อยู่ได้นาน 12-18 เดือน)
- Belotero Soft (สีเหลือง) เนื้อจะความเหลวที่สุด แต่ฉีดแล้วให้ผลที่ดูเป็นธรรมชาติ (อยู่ได้นาน 6-12 เดือน)
ทั้งนี้ สำหรับการเลือกฟิลเลอร์ปากกระจับ ควรเลือกฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานและผ่านอย. ของประเทศไทย
ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความต้องการและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ควรเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ด้วย
ดังนั้น ฟิลเลอร์ปากกระจับมีหลายยี่ห้อและรุ่นให้เลือก การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการและปลอดภัย
ฟิลเลอร์ปากกระจับ แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?
ฟิลเลอร์ปากกระจับ คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด เข้าไปบริเวณริมฝีปาก เพื่อเพิ่มเนื้อและปรับขนาดโครงสร้างปาก ให้ริมฝีปากบางดูอวบอิ่มขึ้น และเป็นรูปทรงกระจับที่สวยงาม โดยปกติแล้ว ฟิลเลอร์ปากกระจับ เหมาะกับผู้ที่มีลักษณะปาก ดังนี้
- ปากไม่เท่ากัน ไม่สมมาตร
- ปากเล็ก ปากบางเกินไป
- ปากบนและปากล่างหนา บาง ไม่สมดุลกัน
- ปากเป็นร่อง ดูไม่สวยงาม
- ต้องการเสริมความมั่นใจให้ริมฝีปากดูสวยมากขึ้น
- ทรงปากคว่ำ ทำให้หน้าดูบึ้ง และดุ แก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก ทำให้รูปปากยิ้ม
- ปากเบี้ยว ไม่เท่ากัน จากการศัลยกรรมปากกระจับ แก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ปาก เทคนิคเติมเต็ม แต่งทรง
- ขอบปากไม่ชัด แก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- เพิ่มขอบปากให้คมชัด แห้ง ลอก เป็นร่อง แก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ปากแบบเนื้อนิ่ม เพื่อบำรุงริมฝีปาก
ฟิลเลอร์ปาก มีการเตรียมตัวก่อนฉีดยังไง?
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก มีดังนี้
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพริมฝีปาก และแนะนำทรงปากที่เหมาะสม
- แจ้งให้แพทย์ทราบ หากมีโรคประจำตัว หรือแพ้ยาชนิดใด
- งดยาบางชนิด เช่น ยาแก้อักเสบ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยารักษาสิวบางชนิด อย่างน้อย 7 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีดฟิลเลอร์
- งดรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำ ก่อนฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 4 ชั่วโมง
- หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก อาจมีอาการบวมหรือช้ำเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสริมฝีปากอย่างรุนแรง
- งดการทาลิปสติก หรือลิปกลอสเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- งดรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำร้อนเป็นเวลา 2-3 วัน
ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ
การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับมีข้อดี ดังนี้
- เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด
- ไม่ต้องพักฟื้น
- ปลอดภัย
- สามารถทำได้บ่อยครั้ง
- ช่วยให้ริมฝีปากอวบอิ่มขึ้น
- ปรับรูปทรงปากให้สวยงามเป็นธรรมชาติ
- ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ปาก จะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้และการดูแลรักษาของแต่ละบุคคลด้วย
การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับมีข้อเสีย ดังนี้
- ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณแค่ 6-12 เดือน
- อาจเกิดอาการบวมช้ำหลังการฉีด
- อาจมีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน ติดเชื้อ เป็นต้น
- การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ
ข้อห้ามก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ
- หากมีโรคประจำตัว หรือแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- ควรงดทานยา ที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน ยา NSAIDs , Ibruprofen, Ponstan, Diclofenac อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์
- งดการทานวิตามิน ginko biloba, Vitamin E, primrose oil, St.Johns Wort, garlic, ginseng อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ 24 ชั่วโมง
- งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การอบซาวน่า การออกกำลังกายหนัก เวทเทรนนิ่ง เป็นต้น
- ไม่ควรฉีดเกิน 1-2 ml/ครั้ง ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยด้วย และหากยังไม่พอใจสามารถเติมในครั้งถัดไปได้
ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์ปาก
แน่นอนที่สุดการฉีดฟิลเลอร์จะทำได้ง่าย ไม่เจ็บ เห็นผลลัพธ์ได้เร็ว และปลอดภัย แต่อย่างไรก็มีสิ่งที่ต้องพึงระวัง ดังนี้
- ควรเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เชื่อถือได้
- เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- สอบถามข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับฟิลเลอร์และวิธีการฉีดให้ชัดเจน
- สังเกตอาการผิดปกติ หลังฉีดฟิลเลอร์ หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดบวมรุนแรง ริมฝีปากผิดรูป ควรรีบไปพบแพทย์
- แจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบก่อนการฉีด
- ดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ
- หลีกเลี่ยงการทานของร้อนในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพราะอาจทำให้ฟินเลอร์สลายตัวได้เร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสนวด คลึง หรือกด บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปาก
- งดการทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการทำให้ปากเสียรูปทรง (รวมถึงงดการออกกำลังหนักด้วย) ในช่วง 1-2 สัปดาห์
- ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ เนื่องจากอาจทำให้ปากเกิดการอักเสบได้
- ในช่วงแรกหลังการฉีดฟิลเลอร์ให้ดื่มน้ำมากๆ เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ ช่วยทำให้ฟิลเลอร์ฟูขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด
- หลีกเลี่ยงการกด หรือขยี้บริเวณที่ฉีด
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
- ทายาแก้อักเสบตามแพทย์สั่ง
- งดการรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มร้อนจัด
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณปากรุนแรง
- ทายาแก้บวม ตามคำแนะนำของแพทย์
- พบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามผล
เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ กันได้บ้างนะคะ
Love and Share….. Beauty Town
อ้างอิง : https://www.dermatojournal.com/articles/adr-aid1020.pdf
https://www.somekoclinic.com/article/lipfiller
https://www.gangnamconsult.com/filler-lips/
https://www.iskycenter.com/knowledge/2367