สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน วันนี้มีสาระสำคัญดีดีมาแบ่งปันกับเพื่อนๆ อีกแล้วนะคะ
การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มการเดินทางเพื่อสุขภาพรูปแบบใหม่เกิดขึ้นมาหลายปีที่ผ่านมา และแนวโน้มการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ คาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 438 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2569 ตลาดการเดินทางเพื่อสุขภาพ กำลังเติบโตในอัตราที่คงที่ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีอย่างต่อเนื่อง
Global Wellness Institute (GWI) ระบุว่า เศรษฐกิจเพื่อสุขภาพของทั้งโลก มีมูลค่าสูงถึง 4.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 145 ล้านล้านบาท ส่วนปี 2563-2568 GWI คาดการณ์ว่า อัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะอยู่ที่ 20.9% เติบโตต่อเนื่องมากกว่าภาคส่วนอื่น ๆ ของเศรษฐกิจเพื่อสุขภาพ ซึ่งรวมถึงการดูแลส่วนบุคคลและความงาม สปา อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ และอื่นๆ และคาดว่าเศรษฐกิจเพื่อสุขภาพทั้งหมด จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 9.9% ต่อปี
สำหรับในประเทศไทยนั้น จะเห็นได้จากรายงานผลของ IMD ปี 2565 พบว่า อันดับรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศไทยอยู่ใน 5 อันดับที่ 12 โดย Global Wellness Institute ประเทศไทยมีจุดแข็งในด้านให้บริการสุขภาพ จึงได้ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงจุดแข็งสู่การสร้างรายได้ท่องเที่ยวผ่านการพัฒนาสินค้าและบริการ บุคลากร และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่น และรักษาการเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในระดับโลก โดยพัฒนามาตรฐาน Amazing Thailand Safety and Health Administration (SHA) และ SHA Plus รวมถึง SHA Extra Plus ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอีกด้วย
แนวโน้มการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย ปี 2566 มุ่งเน้นสิ่งที่น่าสนใจ สรุปได้ 8 ข้อ มาดูกันตามนี้ได้เลยค่ะ
- มุ่งเน้นด้านเกษตรธรรมชาติในชุมชนต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาคของไทย เช่น การเยี่ยมชมศูนย์เกษตรสมุนไพร สวนพฤกษศาสตร์สมุนไพร เน้นการศึกษาเรียนรู้ในเรื่องกระบวนการผลิตอาหาร กลุ่มอาหารสมุนไพรไร้สารพิษ รวมไปถึงเครื่องดื่มสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
- มุ่งเน้นการท่องเที่ยวนน้ำพุร้อนและอาบน้ำแร่ เช่น แหล่งน้ำพุร้อนและบ่อน้ำแร่ที่มีอยู่ในหลายจังหวัด แต่ละภูมิภาคของประเทศไทย และพักในโรงแรมและรีสอร์ท ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับสถานที่ให้บริการอาบน้ำแร่ เพื่อบําบัดสุขภาพ พักผ่อนหย่อนใจในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม
- มุ่งเน้นด้านการแพทย์แผนไทย เช่น การนวดแผนไทย การนวดแผนโบราณ เพื่อการรักษาโรคและการส่งเสริมสุขภาพ เรียนรู้และฝึกปฏิบัติวิธีการนวดไทยแผนโบราณ การอบสมุนไพรเพื่อบําบัดรักษาโรค และบํารุงรักษาสุขภาพ
- มุ่งเน้นการท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติ เช่น แหล่งธรรมชาติ และเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพ การเดินป่าสมุนไพร หรือขี่จักรยานเสือภูเขา ชมธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ ในอุทยานแห่งชาติและป่าธรรมชาติ รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพในสถานที่พักแรม ประเภทโรงแรมและรีสอร์ท ที่มีสถานบริการส่งเสริมสุขภาพแบบสปาให้เลือกใช้บริการ
- มุ่งเน้นการพักผ่อนเพื่อสุขภาพในสถานที่ห่างไกล การเดินทางเพื่อสุขภาพในสถานที่ห่างไกล ช่วยให้นักเดินทางได้หลีกหนีความวุ่นวายไปสู่ความสงบจากธรรมชาติ เพื่อเป็นการเพิ่มพลังกายและใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การอาบป่า
- มุ่งเน้นสุขภาพทางอารมณ์ เช่น ฝึกปฏิบัติสมาธิแนวพุทธศาสตร์ การฝึกสมาธิและบําเพ็ญภาวนา นั่งวิปัสสนาบําเพ็ญภาวนาขั้นสูง ในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ในป่าธรรมชาติ โดยมีการให้คําปรึกษาแนะนําวิธีปฏิบัติแต่ละกิจกรรมอย่างถูกต้องและเป็นประโยชน์ ทำให้ผ่อนคลายจากความเครียดในชีวิตประจําวัน รวมถึงการศึกษาถึงปรัชญาชีวิตแบบตะวันตก และแบบตะวันออก เพื่อการรักษาจิตวิญญาณ ซึ่งมีผลสามารถบำบัด เยียวยา รักษาโรคได้
- มุ่งเน้นกิจกรรมพิเศษและการเดินทางเพื่อสุขภาพในโอกาสต่างๆ เทรนด์นี้มุ่งเน้นไปที่การพักผ่อนเพื่อสุขภาพ ในช่วงเดือนเกิด วันครบรอบ หรือแม้แต่วันหยุดระยะสั้น ระยะยาว หรือการทำงานด้วยเที่ยวด้วย ที่เรียกว่า workation ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตในรูปแบบการทำงานนี้สูงขึ้นเรื่อยๆ
- มุ่งเน้นการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพแบบยั่งยืน เช่น อาหารเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกาย และการผ่อนคลาย และยังให้ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมด้วย การส่งเสริมแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย รวมถึงการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ การรีไซเคิล และการฟื้นฟู ผู้เดินทางจะได้รับข้อมูลและตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลกมากขึ้นอีกด้วย
เป็นยังไงล่ะคะ เชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ กันได้บ้างนะคะ เราจะผ่าน และพร้อมสำเร็จไปด้วยกัน Love and Share….Beauty Town
ที่มา : https://www.globalwellnesssummit.com/