ในโลกที่การใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และความรู้ทางสุขภาพพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว โภชนาการกลายมาเป็นปัจจัยพื้นฐาน ที่ส่งผลมหาศาลต่อสุขภาวะ และคุณภาพชีวิตของแต่ละบุคคลแทบทุกมิติ ทั้งทางกาย จิตใจ และสังคม เพราะอาหาร ไม่ใช่แค่สิ่งที่เรานำเข้าสู่ร่างกาย เพื่อดับความหิวอีกต่อไป แต่กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ที่สำคัญเป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินชีวิต แม้แต่องค์กรทางธุรกิจ ก็เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของโภชนาการ ในการพัฒนาสวัสดิการบุคลากร และใช้เป็นจุดขายในการสร้างความแตกต่าง และสร้างแบรนด์ในตลาด Wellness ที่เติบโตอย่างรวดเร็วอีกด้วย
โภชนาการต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory Diet) จริงหรือไม่?
อาหารต้านการอักเสบได้รับความสนใจ จากทั้งกลุ่มผู้บริโภค และผู้ประกอบการในสายธุรกิจสุขภาพ เพราะงานวิจัยมากมายระบุว่า การอักเสบเรื้อรังกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็งบางชนิด การปรับเปลี่ยนอาหารเพื่อช่วยลดการอักเสบจึงเป็นทางเลือกที่มีคุณค่า ดังนั้น อาหารกลุ่มนี้เน้นผักและผลไม้หลากสี ซึ่งอุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนท์ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวกล้อง ควินัว ที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์และวิตามิน ไขมันดีอย่างน้ำมันมะกอก อะโวคาโด หรือปลาทะเลน้ำลึกที่ลดการอักเสบ นอกจากอาหารแล้ว การลดการบริโภคน้ำตาลทรายขาว อาหารแปรรูป และลดกลุ่มไขมันทรานส์ก็มีส่วนช่วยเป็นอย่างมาก สำหรับตัวอย่างของการนำเสนอเมนู Anti-inflammatory ในเชิงธุรกิจ อาทิ การจัดบุฟเฟต์สุขภาพในบริษัท การพัฒนา lunch box เมนูสุขภาพสำหรับองค์กร หรือร้านอาหารที่เปิดเซกชั่นใหม่เฉพาะเมนูต้านอักเสบ คนรุ่นใหม่จึงมีทางเลือกที่ตอบโจทย์สุขภาพในชีวิตประจำวันและการทำงานมากขึ้น
โภชนาการเพื่อสุขภาพ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม กับ Plant-based Diet
การบริโภคอาหารที่มีพื้นฐานจากพืช (Plant-based Diet) ได้รับความนิยมจากทั่วโลก และประเทศไทยก็ไม่ตกเทรนด์นี้ นักโภชนาการยืนยันว่า รูปแบบการกินที่ลดสัดส่วนเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ พร้อมเพิ่มปริมาณผัก ผลไม้ ถั่วเปลือกแข็ง ธัญพืช และเมล็ดพืชมีส่วนช่วยอย่างมากในการลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง มะเร็ง และช่วยรักษาน้ำหนัก
ข้อได้เปรียบของ Plant-based Diet ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวบุคคลเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวคิดเรื่องความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม เพราะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้น้ำ และพื้นที่ทำเกษตรเพื่อป้อนอุตสาหกรรมปศุสัตว์อีกด้วย ในภาคธุรกิจร้านอาหารหรือ Food Tech เมนูและผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ได้กลายเป็นอาวุธทางการตลาด เพราะสามารถเจาะตลาดกลุ่มคนรักสุขภาพ ชาวมังสวิรัติ วีแกน ไปจนถึงผู้ที่แพ้นมหรือไข่ สำหรับผู้แพ้กลูเตน ควรเน้นข้าวไทย ข้าวโพด มันเทศ ควินัว เลี่ยงแป้งสาลี กินอาหารอินทรีย์และแปรรูปน้อยลง
โภชนาการสำหรับคนเป็นโรคลำไส้แปรปรวน (IBS)
เรามักได้ยินชื่อ High FODMAPs หรือ อาหารที่มี FODMAPs สูง นั่นก็คือ กลุ่มอาหารที่ร่างกายย่อยได้ยาก จนกลายเป็นเชื้อแบคทีเรียบางชนิดในลำไส้ ซึ่งจะสร้างก๊าซมีเทนและไฮโดรเจนออกมา ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกท้องอืด อึดอัด ปวดเกร็ง หรือแม้แต่ท้องผูก บางครั้งก็อาจมีอาการตรงข้ามอย่างท้องเสีย เพราะ FODMAPs ดึงน้ำเข้าสู่ลำไส้มากกว่าปกติ สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่การอักเสบโดยตรง แต่เป็น การระคายเคือง หรือความผิดปกติในการทำงานของลำไส้ ที่ทำให้เกิดอาการไม่สบายท้อง ซึ่งทำให้ลำไส้มีความไวต่อการยืดขยาย และต่อสารเคมีมากกว่าคนทั่วไป หรือมีสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้เสีย (gut dysbiosis) อาจไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและเกิด ภาวะอักเสบระดับต่ำ (low-grade inflammation) ก่อให้เกิดโรคลำไส้แปรปรวนนั่นเอง
อาจกล่าวได้ว่า โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) เป็นภาวะที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเสีย หรือท้องผูกสลับกัน การเลือกรับประทานอาหาร จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการช่วยบรรเทาอาการ อาหาร ที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มี IBS ควรเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไม่ก่อให้เกิดแก๊สมาก และมีใยอาหารที่เหมาะสม เช่น ข้าวขาว ข้าวโอ๊ต มันฝรั่ง มันเทศ รวมถึงผักที่ย่อยง่ายอย่างแครอท ฟักทอง และแตงกวา ผลไม้ที่ควรเลือกคือ กล้วยหอมสุก กีวี และผลไม้ตระกูลเบอร์รี ส่วนแหล่งโปรตีนที่แนะนำ ได้แก่ ปลา ไก่ ไข่ และเต้าหู้ นอกจากนี้ ควรเสริมใยอาหารชนิดละลายน้ำจากข้าวโอ๊ต หรือ psyllium husk เพื่อช่วยปรับสมดุลระบบขับถ่าย และดื่มน้ำให้เพียงพอ รวมถึงสามารถเลือกชาสมุนไพรอ่อน ๆ เช่น ชาขิง หรือชาคาโมมายล์ เพื่อลดอาการเกร็งของลำไส้
ในทางกลับกัน ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มักกระตุ้นอาการ เช่น หัวหอม กระเทียม กะหล่ำปลี นมวัว อาหารมันจัด เผ็ดจัด รวมถึงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ การทานอาหารให้ตรงเวลา ทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง และจดบันทึกว่าอาหารชนิดใดส่งผลต่ออาการ จะช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมโรคได้ดีขึ้น หากอาการรุนแรงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดทำแผนโภชนาการแบบ Low FODMAP อย่างเหมาะสม
โภชนาการสุขภาพลำไส้ดี กับ Gut Health Diet
เทรนด์ใหม่อย่าง Gut Health นั้นขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะงานวิจัยด้านจุลินทรีย์ในลำไส้ (Microbiome) ระบุว่า จุลินทรีย์หลากหลายชนิดในลำไส้ มีกลไกในการส่งผลกับภูมิคุ้มกัน สมอง อารมณ์ และพลังงานในชีวิตประจำวัน ผู้บริโภคจำนวนมาก เริ่มหันมาใส่ใจการเลือกรับประทานอาหาร ที่ช่วยส่งเสริมลำไส้ให้แข็งแรง
อาหารที่เสริม Gut Health จะเน้นไฟเบอร์สูงจากผัก ผลไม้ ธัญพืช และคงหลีกเลี่ยงอาหารที่ย่อยยาก หรือแพ้ง่ายอย่างกลูเตนสูง นอกจากนี้ โพรไบโอติกส์ เช่น โยเกิร์ต คอมบูชา เทมเป้ และกิมจิ จะช่วยเติมจุลินทรีย์ดีในทางเดินอาหาร ส่วนพรีไบโอติกส์ เช่น กล้วย กระเทียม หรือหัวหอม เป็นอาหารเลี้ยงจุลินทรีย์ที่ดี
จะเห็นได้ว่า ธุรกิจในสาย Wellness ได้มีการพัฒนาเมนูอาหารที่สนับสนุนสุขภาพลำไส้ ทั้งในการจัดเลี้ยง หรือออกแบบผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ เช่น แพ็กข้าวกล้องกิมจิพร้อมรับประทาน หรือเชตสมูทตี้ไฟเบอร์สูงที่ตอบสนองกลุ่มลูกค้า Corporate Wellness เป็นต้น
โภชนาการเฉพาะทาง กับ Functional Foods, High Protein & Superfoods
โภชนาการนี้ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม Functional Foods, High Protein & Superfoods อาหารฟังก์ชันหรือ Functional Foods คือ อาหารที่มีคุณสมบัติเป็นมากกว่าแค่ให้พลังงาน หรือสารอาหารพื้นฐาน แต่มีองค์ประกอบที่แสดงฤทธิ์ส่งเสริมสุขภาพเฉพาะด้าน ที่นิยมมากในปีนี้ ได้แก่ อาหารโปรตีนสูงและ Superfoods
โปรตีนสูงตอบโจทย์ผู้มุ่งสร้างกล้ามเนื้อ ฟื้นฟูกลุ่มสูงวัย ลดน้ำหนัก หรือผู้ที่ต้องการเสริมความแข็งแรงร่างกาย โดยโปรตีนคุณภาพดีมีทั้งจากสัตว์ (อกไก่ ปลา) และพืช (ถั่วเหลือง เต้าหู้ เมล็ดเจีย ควินัว) Superfoods เช่น อะไซอิ เบอร์รี่ เมล็ดเจีย สาหร่ายสไปรูลินา ขิง ขมิ้น เร่งการต้านอนุมูลอิสระ รักษาสุขภาพหัวใจ ลดการอักเสบพร้อมกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ธุรกิจอาหารจึงนิยมพัฒนาเมนู Superfood Bowls, สมูทตี้ หรือ Healthy Snack Bars เจาะกลุ่มคนทำงาน นักกีฬา หรือ Wellness Tour
ตัวอย่างเมนูที่สร้างสรรค์ ถือเมนูเพื่อสุขภาพ (Healthy Meal) ที่ตอบโจทย์เทรนด์ลูกค้าสายในยุคนี้ ซึ่งสามารถปรับใช้ได้ทั้งในบ้าน ร้านอาหาร หรือหน่วยงาน มีดังนี้
- ข้าวกล้องอกไก่ไข่ต้ม (High Protein)
เป็นเมนูยอดนิยม เสริมด้วยผักลวกและน้ำมันงานิดหน่อย ให้พลังงานและโปรตีนสูง จัดลงใน meal box สำหรับบริษัทหรือขายปลีกก็เหมาะสม - สลัดธัญพืชและเต้าหู้ทอด (Plant-based)
พันธุ์ธัญพืชสุกกับเต้าหู้หมักทอด โรยด้วยเมล็ดเจียและน้ำสลัดเลมอน ไม่เพียงแต่อร่อย ยังอิ่มนานและไฟเบอร์สูง - โอเวอร์ไนท์โอ๊ตโยเกิร์ตผลไม้ (Gut Health + Anti-inflammatory)
ผสมข้าวโอ๊ต กรีกโยเกิร์ต เมล็ดเจีย ผลไม้รวม อัลมอนด์ คลุกเคล้าแช่เย็น เหมาะเป็นอาหารเช้าหรือของว่าง - สมูทตี้ Superfoods
เลือกใช้ผักโขม กล้วยหอม น้ำมะพร้าว โปรตีนพืชผง เมล็ดแฟลกซ์ และผงขมิ้น ปั่นรวมกันได้วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระสูง - กิมจิผัดข้าวกล้องไข่ดาว (Gut Health) ได้ทั้งไฟเบอร์ โพรไบโอติกส์ วิตามิน เป็น Comfort Food ที่ดีต่อสุขภาพลำไส้
มุมมองเชิงธุรกิจกับโภชนาการเพื่อสุขภาพแบบองค์รวม
ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น โภชนาการได้กลายเป็นมากกว่าเรื่องการกิน แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญที่องค์กรและธุรกิจต่าง ๆ นำมาใช้เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ งานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่า การลงทุนใน Wellness Program ไม่เพียงช่วยยกระดับสุขภาพกายและใจของพนักงาน แต่ยังเพิ่ม Productivity ลดอัตราการลาป่วย และเสริมสร้าง Employer Branding ที่แข็งแกร่ง สำหรับ บริษัทและองค์กร การจัดโครงการอาหารสุขภาพภายใน เช่น บริการ lunch box สุขภาพ กิจกรรมให้ความรู้ด้านโภชนาการ หรือบริการปรึกษาเมนูเฉพาะบุคคล ไม่เพียงตอบโจทย์การดูแลพนักงาน แต่ยังสะท้อนภาพลักษณ์องค์กรที่ใส่ใจสุขภาพและความยั่งยืน
ในมิติของ ธุรกิจอาหาร โอกาสสำคัญอยู่ที่การพัฒนาเมนูที่สอดคล้องกับเทรนด์โภชนาการแบบ Personalized Nutrition เช่น ready-to-eat meal box, สมูทตี้, snack bar เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกแต่ยังคงคุณค่าทางโภชนาการ กลยุทธ์นี้ช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างความแตกต่างท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้น
สำหรับ ศูนย์สุขภาพ โรงแรม และรีสอร์ต โภชนาการเพื่อสุขภาพคือหัวใจในการออกแบบบริการเสริม เช่น Wellness Retreat, Meal Plan ส่วนบุคคล หรือเวิร์กช็อปโภชนาการ สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้เข้าพัก แต่ยังช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Wellness ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
แน่นอนที่สุด โภชนาการเพื่อสุขภาพแบบองค์รวมจึงไม่ใช่แค่ “เทรนด์” แต่คือเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยยกระดับทั้งคุณภาพชีวิตผู้คน และความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในระยะยาว
มุมมองผู้บริโภคกับโภชนาการเพื่อสุขภาพแบบองค์รวม
ผู้บริโภคยุคใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น โดยมองหาอาหารที่ไม่เพียงดีต่อร่างกาย แต่ต้องอร่อย หลากหลาย และปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ แนวโน้มนี้ทำให้อาหารเฉพาะกลุ่ม (Niche Nutrition) เติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร Plant-based สำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติหรือใส่ใจสิ่งแวดล้อม อาหาร Gluten-free สำหรับผู้แพ้กลูเตน หรือเมนู High Protein ที่ตอบโจทย์สายฟิตและผู้รักการออกกำลังกาย
นอกจากนี้ มื้อเช้าเพื่อสุขภาพ ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะช่วยประหยัดเวลาและมอบโภชนาการครบถ้วน เมนูอย่างโอเวอร์ไนท์โอ๊ต สมูทตี้เบอร์รี่ หรือข้าวกล้องไข่ต้ม ถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ง่ายและดีต่อสุขภาพ ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคยังใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยติดตามสุขภาพ เช่น แอปพลิเคชันและเว็บไซต์เช็คโภชนาการ ทำให้บริการอย่าง Food Delivery และ Meal Plan Subscription ที่ออกแบบสูตรเฉพาะบุคคล เช่น สูตรโปรตีนสูง สูตรดัชนีน้ำตาลต่ำ หรือสูตรลดน้ำตาล กลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างดี
อย่างไรก็ตาม โภชนาการสุขภาพไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแส แต่คือการเปลี่ยนแปลงเพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน การเลือกรับประทานอาหารในแนวทาง Anti-inflammatory, Plant-based, Gut Health Diet และ Functional Foods ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง แต่ยังยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น มีความสุขขึ้นในระยะยาว
โภชนาการที่ดีถือเป็นเครื่องมือสร้างวัฒนธรรมองค์กรและความยั่งยืนทางธุรกิจ
โภชนาการที่ดีไม่ใช่เพียงการดูแลสุขภาพรายบุคคล แต่กำลังกลายเป็นพลังสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรและความได้เปรียบทางธุรกิจ หลายองค์กรเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ เช่น การจัดอาหารกลางวันสุขภาพสำหรับพนักงาน การออกแบบเมนู Lunch Box ที่สมดุลทั้งสารอาหารและพลังงาน ไปจนถึงการจัดกิจกรรมอบรมด้านโภชนาการ หรือให้คำปรึกษารายบุคคล สิ่งเหล่านี้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตการทำงาน ทำให้พนักงานรู้สึกว่าองค์กรใส่ใจอย่างแท้จริง และกลายเป็นรากฐานของวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง พร้อมสร้างภาพลักษณ์ (Employer Branding) ที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่
ในมุมของผู้ประกอบการอาหาร เทรนด์ Personalized Nutrition กำลังเปิดประตูโอกาสใหม่ ธุรกิจสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในรูปแบบพร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) ไม่ว่าจะเป็น Meal Box สูตรเฉพาะ สมูทตี้เพื่อการฟื้นฟูร่างกาย หรือ Snack Bar สำหรับกลุ่มเฉพาะ เช่น ผู้สูงอายุ นักกีฬา หรือผู้ที่เลือกทานมังสวิรัติ ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่มไม่เพียงเพิ่มมูลค่าและยอดขาย แต่ยังช่วยสร้างความผูกพันระยะยาวกับลูกค้า ซึ่งเป็นหัวใจของการเติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับภาคธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต และศูนย์สุขภาพ ในสายเวลเนส โภชนาการได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เติมเต็มบริการ Wellness Retreat การออกแบบเมนูเฉพาะ เช่น อาหารดีท็อกซ์ อาหารต้านการอักเสบ หรือเมนูสมุนไพรพื้นถิ่นที่ผสานความรู้สมัยใหม่ ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและแตกต่าง อีกทั้งการจัดคอร์ส Meal Plan หรือเวิร์กช็อปด้านโภชนาการสำหรับผู้เข้าพัก ยังสามารถต่อยอดรายได้ พร้อมขยายฐานลูกค้าใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ
จากอดีตที่โภชนาการถูกมองว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล วันนี้โภชนาการได้ก้าวขึ้นมาเป็นกลยุทธ์ระดับองค์กร การใส่ใจโภชนาการที่เหมาะสม ไม่เพียงช่วยเพิ่มพลังการทำงานของพนักงาน หรือสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคกลับมาซื้อซ้ำ แต่ยังสะท้อนคุณค่าขององค์กรหรือแบรนด์ว่า “เราใส่ใจคุณในทุกมิติของชีวิต” ท่ามกลางโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง โภชนาการจึงไม่ใช่แค่ตัวเลือกเพื่อสุขภาพ แต่เป็นข้อได้เปรียบที่สามารถขับเคลื่อนทั้งองค์กรและธุรกิจไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน
Love and Share…. Beauty Town
อ้างอิง
- KHNI Health & Nutrition Trends, 10 เทรนด์สุขภาพและโภชนาการ ปี 2025: https://www.bangkokbiznews.com/health/well-being/1151874
- รายงานกรมอนามัย สำนักโภชนาการ: https://nutrition2.anamai.moph.go.th/web-upload/6x22caac0452648c8dd1f534819ba2f16c/202501/m_magazine/33500/5177/file_download/2d6fa0f8c800415aeac8d0169909048e.pdf
- เจาะลึก Functional Food ปี 2025: https://nutriflow.co/functional-food/
- Lifestyle Medicine Week 2025: https://www.bdmswellness.com/knowledge/lifestyle-medicine-week-2025
- รายงานของ WHO เน้นการปรับพฤติกรรมโภชนาการและการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน รองรับเป้าหมายพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ด้านสุขภาพและโภชนาการ https://iris.who.int/bitstream/handle/10665/275990/9789241514873-eng.pdf
- CDC Nutrition Guidelines: https://www.cdc.gov/nutrition/php/guidelines-recommendations/index.html