Wellness with Trust: ยกระดับธุรกิจด้วยมาตรฐานที่สร้างความเชื่อมั่น

ในยุคที่เทรนด์ Wellness หรือการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี กลายเป็นกระแสหลักของโลก ธุรกิจด้านสุขภาพไม่ว่าจะเป็น สปา ฟิตเนส โรงแรมสุขภาพ คลินิกเวชกรรมชะลอวัย หรือร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ต่างแข่งขันกันด้วย คุณภาพและความน่าเชื่อถือ

แต่คำถามคือ…
ทำอย่างไรให้ธุรกิจ Wellness โดดเด่น และสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าเลือกใช้บริการของเรามากกว่าคู่แข่ง?

คำตอบสำคัญ นั่นก็คือ “มาตรฐานและใบรับรอง” ที่ไม่เพียงช่วยยกระดับคุณภาพบริการ แต่ยังเป็นเครื่องมือทางการตลาดชั้นเยี่ยม ที่ทำให้ธุรกิจของคุณก้าวไกลในระดับสากล

 

ทำไมธุรกิจ Wellness ต้องมีมาตรฐานรับรอง?

ในตลาดสุขภาพที่ผู้บริโภคตื่นตัว และเลือกใช้บริการอย่างระมัดระวัง การมีใบรับรองมาตรฐานด้านบริการ ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจด้าน Wellness แตกต่างและมีข้อได้เปรียบที่เห้นได้ชัด โดยเฉพาะใน 4 มิติหลัก ซึ่งประกอบด้วย ความน่าเชื่อถือ นั่นหมายถึง ลูกค้ามองหาสถานที่ที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน โดยอาศัยโอกาสทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มมูลค่าแบรนด์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และเข้าถึงตลาดระดับพรีเมียม อีกทั้ง จำเป็นที่จะต้องมีแนวทางการแข่งขันในระดับสากล อาทิ มีใบรับรองเพื่อร่วมงานแสดงสินค้าหรือเป็นพันธมิตร รวมไปถึงการมุ่งประเด็นสร้างระบบการทำงานที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ ลดความเสี่ยงทางกฎหมายนำสู่การทำธุรกิจ Wellness ในระยะยาว และนำสู่แนวทางธุรกิจที่ยั่งยืน

 

ในความเป็นจริงแล้ว  มาตรฐาน Wellness ไม่ใช่แค่การตรวจสอบ แต่คือการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ที่มุ่งเน้นคุณภาพและความปลอดภัยอย่างแท้จริง ดังนั้นสำหรับบทความนี้ ได้สรุป 5 มาตรฐาน Wellness ระดับประเทศไทย ที่ผู้ประกอบการควรรู้ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ 

 

spa certificate

มาตรฐาน Wellness ระดับประเทศไทย

มาตรฐานสปาไทย (Thai Spa Standard)

  • หน่วยงานรับรอง: กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สธ.)
  • เหมาะสำหรับ: สปาเพื่อสุขภาพ, สปาเพื่อความงาม, สปาบำบัด

เกณฑ์สำคัญ

  • สถานที่ – ต้องมีบรรยากาศผ่อนคลาย ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ
  • บุคลากร – ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่กำหนด
  • ผลิตภัณฑ์ – ต้องได้มาตรฐาน อย. หรือปลอดสารอันตราย
  • ระบบบริการ – มีการบันทึกข้อมูลลูกค้าและประเมินผล

ประโยชน์

  • ใช้ ตราสัญลักษณ์ Thai Spa Standard ในสื่อการตลาด
  • ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น การร่วมงานแสดงสินค้า

 

มาตรฐาน HA (Hospital Accreditation) สำหรับ Wellness Clinic

หน่วยงานรับรอง: สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (สรพ.)
เหมาะสำหรับ: โรงพยาบาล, คลินิกเวชกรรมชะลอวัย, ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ

เกณฑ์สำคัญ

  • ความปลอดภัยผู้รับบริการ – ระบบป้องกันการติดเชื้อ, การใช้ยาที่ถูกต้อง
  • บริการเชิงป้องกัน – โปรแกรมตรวจสุขภาพเฉพาะบุคคล, Wellness Program
  •  เทคโนโลยีสุขภาพ – Tele-Wellness, Digital Health Tracking

ประโยชน์

  • เพิ่มความน่าเชื่อถือในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ
  • ปูทางสู่การรับรอง JCI (Joint Commission International)

 

 

Cuisine Standard

 

มาตรฐาน Thai SELECT Wellness Cuisine

หน่วยงานรับรอง: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
เหมาะสำหรับ: ร้านอาหารสุขภาพ, โรงแรม, รีสอร์ท

เกณฑ์สำคัญ

  •  วัตถุดิบ – ปลอดภัย มีแหล่งที่มาโปร่งใส
  • เมนูสุขภาพ – เน้นการปรุงแบบต้ม นึ่ง ยำ ลดไขมัน
  • โภชนาการ – เปิดเผยข้อมูลแคลอรีและสารอาหาร

ประโยชน์

  • ใช้เครื่องหมาย Thai SELECT ดึงดูดนักท่องเที่ยวสุขภาพ
  • ได้รับการโปรโมตจากหน่วยงานรัฐ

 

Green Standard

 

มาตรฐาน Green Health Hotel & Green Spa

หน่วยงานรับรอง: กรมอนามัย
เหมาะสำหรับ: โรงแรม, สปา, รีสอร์ทเชิงสุขภาพ

เกณฑ์สำคัญ

  • สิ่งแวดล้อม – ลดขยะ ประหยัดพลังงาน ใช้ของรีไซเคิล
  • สุขภาพ – มีพื้นที่ออกกำลังกาย, อาหารออร์แกนิก
  • สุขอนามัย – ระบบทำความสะอาดได้มาตรฐาน

ประโยชน์

  • ตอบโจทย์เทรนด์ Eco-Wellness ที่กำลังมาแรง
  • ลดต้นทุนจากการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

Spa

 

 

มาตรฐาน THAHEA (สมาคมส่งเสริมธุรกิจบริการสุขภาพไทย)

เหมาะสำหรับ: ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism), Wellness Resort

สิ่งที่ THAHEA สนับสนุน

  • เชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศผ่านงานแสดงสินค้า
  • พัฒนามาตรฐาน Non-Medical Health Services
  • ส่งเสริม Wellness Tourism ในพื้นที่เชียงใหม่, ภูเก็ต, สมุย

มาตรฐาน Wellness ระดับสากล 

นอกจากนี้ มี 3 หน่วยงานมาตรฐานสากลที่ช่วยให้ธุรกิจ Wellness ของไทยก้าวไกลในเวทีโลก ดังนี้ 

WELL Building Standard (IWBI)

  • มาตรฐานอาคารเพื่อสุขภาพ ครอบคลุม อากาศ น้ำ แสงสว่าง
  • เหมาะสำหรับ Wellness Resort, Office Wellness

 

 

ISO

 

 

ISO 17679:2016 (มาตรฐาน Wellness Spa)

  • เน้น การบริการแบบองค์รวม (Holistic)
  • ใช้ได้กับ สปา, คลินิกความงาม

Global Wellness Institute (GWI) Certification

  • มีหลักสูตรรับรอง Wellness Tourism, Wellness Coach
  • ช่วยสร้างเครือข่ายธุรกิจกับผู้เล่นระดับโลก

 

การขอรับรองมาตรฐาน Wellness เป็นกระบวนการที่ต้องเตรียมตัวอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผ่านการตรวจประเมินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถแบ่งขั้นตอนออกเป็น 5 ขั้นตอนหลัก ดังนี้  

 

ขั้นตอนขอรับรองมาตรฐาน Wellness

ศึกษามาตรฐาน – เลือกประเภทที่เหมาะกับธุรกิจ

ก่อนยื่นขอรับรอง ต้องวิเคราะห์ว่า ธุรกิจของคุณเหมาะกับมาตรฐานใด บางมาตรฐานอาจเน้นด้านความปลอดภัย บางมาตรฐานอาจเหมาะกับธุรกิจเชิงการแพทย์หรือท่องเที่ยวสุขภาพ

ตัวอย่างการเลือกมาตรฐานให้สอดคล้องกับธุรกิจ

  • สปา/นวดแผนไทย → Thai Spa Standard, ISO 17679
  • โรงแรม/รีสอร์ทสุขภาพ → Green Health Hotel, WELL Building Standard
  • คลินิกเวชกรรมชะลอวัย → HA (Hospital Accreditation), GWI Certification
  • ร้านอาหารสุขภาพ → Thai SELECT Wellness Cuisine

แหล่งข้อมูลมาตรฐาน

  • เว็บไซต์หน่วยงานรัฐ เช่น กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, กรมอนามัย
  • สถาบันระดับสากล เช่น Global Wellness Institute (GWI), International WELL Building Institute (IWBI)

เตรียมเอกสาร – ใบอนุญาต, หลักสูตรอบรมพนักงาน

  • เอกสารที่ต้องเตรียมมีทั้งส่วนทั่วไปและเฉพาะทาง ขึ้นอยู่กับประเภทมาตรฐาน

 เอกสารทางกฎหมาย

  • ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ (เช่น ใบอนุญาตสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ)
  • หนังสือรับรองนิติบุคคล
  • ใบอนุญาตพนักงาน (ถ้ามี เช่น ใบประกอบโรคศิลปะ แพทย์แผนไทย)

หลักฐานการฝึกอบรมพนักงาน

  • หลักสูตรการนวด (สำหรับสปา)
  • หลักสูตรความปลอดภัยด้านอาหาร (สำหรับร้านอาหารสุขภาพ)
  • หลักสูตรการปฐมพยาบาล

เอกสารระบบจัดการ

  • นโยบายความปลอดภัย
  • แผนผังสถานที่
  • ระเบียบการให้บริการ

 

 

Certificate Wellness

 

 

 

ปรับปรุงสถานที่ – ให้ตรงเกณฑ์ความปลอดภัย

หลังทราบเกณฑ์มาตรฐานแล้ว ต้องตรวจสอบและปรับปรุงสถานที่ เช่น

ตัวอย่างการปรับปรุงสำหรับสปา (Thai Spa Standard)

  • ความสะอาด → มีระบบทำความสะอาดอุปกรณ์หลังใช้งานทุกครั้ง
  • สิ่งแวดล้อม → อากาศถ่ายเทดี ใช้แสงธรรมชาติ
  • ความปลอดภัย → มีอุปกรณ์ปฐมพยาบาล, ทางหนีไฟ

ตัวอย่างการปรับปรุงสำหรับร้านอาหารสุขภาพ (Thai SELECT)

  • ครัวได้มาตรฐาน → แยกพื้นที่ปรุงสุก/ดิบ

วัตถุดิบ → มีแหล่งที่มาชัดเจน (Organic, ปลอดสารพิษ)

 

ยื่นขอตรวจประเมิน – จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เมื่อพร้อมแล้ว ให้ติดต่อหน่วยงานรับรองเพื่อนัดตรวจสอบ

กระบวนการตรวจประเมิน
แบบ On-site: เจ้าหน้าจะลงพื้นที่ตรวจสอบ

  • ตรวจสถานที่
  • สัมภาษณ์พนักงาน
  • ทดสอบระบบ (เช่น การทำความสะอาด)

แบบเอกสาร: ส่งรายงานและหลักฐานออนไลน์

ค่าใช้จ่าย
ขึ้นอยู่กับประเภทมาตรฐาน เช่น

  • Thai Spa Standard → ไม่มีค่าใช้จ่าย (บางโครงการรัฐสนับสนุน)
  • ISO/IEC → มีค่าธรรมเนียม สามารติดต่อสอบถามไปยังหน่วยงาน

 

รับใบรับรองและนำไปใช้ในการตลาด

หลังผ่านการตรวจสอบ จะได้รับ ใบรับรองมาตรฐาน ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน

  • ใบรับรองเพื่อเพิ่มมูลค่าธุรกิจ ประชาสัมพันธ์ในเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย สามารถแสดงตราสัญลักษณ์ในสถานที่บริการ
    ใช้เป็นจุดขายในแพ็กเกจบริการ และยื่นเสนอร่วมงานกับหน่วยงานรัฐ/เอกชน

ระยะเวลาการรับรอง
 ส่วนใหญ่มีอายุ 1-3 ปี และต้องมีการตรวจประเมินซ้ำ

 

ตัวอย่างแบรนด์ไทยที่ประสบความสำเร็จด้วยมาตรฐาน Wellness

Chiva-Som International Health Resort (หัวหิน)

ความสำเร็จ

  • ได้รับรางวัล “World’s Best Destination Spa” หลายสมัย
  • เป็นต้นแบบ Medical Wellness ของเอเชีย

กลยุทธ์การใช้มาตรฐาน
ใช้การรับรองระดับสากล เช่น

  • GWI (Global Wellness Institute) เพื่อเชื่อมโยงกับเครือข่ายทั่วโลก
  • มาตรฐาน HA (Hospital Accreditation) สำหรับบริการด้านสุขภาพ

จุดเด่น

  • บริการ Detox, Anti-Aging โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ผสมผสาน การแพทย์แผนไทย + สมุนไพร เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่

 

 

Wellness Spa hotel

 

RAKxa Integrative Wellness (บางกระเจ้า)

ความสำเร็จ

  • ได้รับการยอมรับในกลุ่ม High-end Wellness Tourism

กลยุทธ์การใช้มาตรฐาน
เน้น Functional Medicine จากสหรัฐอเมริกา

  • ตรวจระดับฮอร์โมนและสารพิษในร่างกาย
  • ออกแบบโปรแกรมเฉพาะบุคคล

จุดเด่น

  • คอนเซปต์ “การรักษาที่ต้นเหตุ” แทนการรักษาอาการ
  • ใช้เทคโนโลยี IV Therapy, Hyperbaric Oxygen

 

Divana Spa

ความสำเร็จ

  • ขยายสาขาไป ญี่ปุ่น, มัลดีฟส์

กลยุทธ์การใช้มาตรฐาน

Thai Spa Standard + ISO 9001

  • เน้น ความสม่ำเสมอของบริการ ทุกสาขา
  • ฝึกอบรมพนักงานด้วยหลักสูตรเดียวกัน

จุดเด่น

  • ใช้ น้ำมันหอมระเหยสูตรเฉพาะ
  • มีบริการ Wellness Program เช่น โยคะ, Meditation

 

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า มาตรฐาน Wellness ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของธุรกิจสุขภาพยุคใหม่ ในยุคที่ผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพมากขึ้น การมี มาตรฐานและใบรับรองด้าน Wellness ไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่คือ ความจำเป็น สำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความแตกต่างและความน่าเชื่อถือ

จากตัวอย่างแบรนด์ชั้นนำของไทย ไม่ว่าจะเป็น Chiva-Som, RAKxa หรือ Divana Spa ล้วนพิสูจน์แล้วว่ามาตรฐานเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจ สร้างจุดยืนที่ชัดเจน ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง สามารถเพิ่มมูลค่าให้บริการ และสามารถตั้งราคาในระดับพรีเมียม อีกทั้งขยายโอกาสทางธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ

ทั้งนี้มีปัจจัยสู่ความสำเร็จ ที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปปฏิบัติ เพื่อเลือกมาตรฐานให้เหมาะกับจุดแข็งของธุรกิจ  วิเคราะห์ว่าธุรกิจเหมาะกับมาตรฐานใด โดยพิจารณาจากประเภทบริการและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมถึงการใช้ใบรับรองเป็นเครื่องมือการตลาด นำตราสัญลักษณ์มาตรฐานมาใช้ในการสื่อสารการตลาดเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า และควรพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดอยู่แค่การได้มาตรฐาน แต่ต้องคิดค้นนวัตกรรมและบริการใหม่ๆ อยู่เสมอ

การลงทุนในมาตรฐาน Wellness วันนี้ คือ การลงทุนในความยั่งยืนของธุรกิจในอนาคต เพราะในโลกที่ความไว้วางใจกลายเป็นสิ่งมีค่า การมีใบรับรองที่ได้รับการยอมรับ จะช่วยให้ธุรกิจโดดเด่น และก้าวไปสู่การเป็นแบรนด์สุขภาพชั้นนำของประเทศไทยและระดับสากลได้

“มาตรฐานที่ดี…คือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จที่ยั่งยืน”

 

Love and Share…..Beauty Town 

อ้างอิง