เพื่อนๆ พอทราบกันไม๊คะว่า การนวดแผนไทยของประเทศเรามีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก เนื่องจากคณะกรรมการร่วมระหว่างรัฐบาลเพื่อการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรม ขององค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้ “การนวดไทย” ขึ้นบัญชีเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ถือเป็นการยกระดับการนวดไทยสู่สากลอย่างมีคุณค่าที่สุด
วันนี้ทีม Beauty Town มาเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับเรื่องการนวดแผนไทย ดูรายละเอียดกันเลยค่ะ
ความสำคัญการนวดแผนไทย
การนวดแผนไทย เป็นวิธีการรักษาความเจ็บป่วยแบบดั้งเดิมของไทย การนวดไทยเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่กับของคนไทยมาสมัยโบราณมาจนถึงปัจจุบัน อาจกล่าวได้ว่า การนวดแผนไทยนั้น เป็นภูมิปัญญาและเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ถือเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติไทยอีกด้วย
ประเภทการนวดแผนไทย
- การนวดแบบราชสำนัก
การนวดแบบนี้จะเรียกว่า เป็นการนวดเพื่อถวายกษัตริย์ และเจ้านายชั้นสูงของราชสำนัก ผู้นวดจะต้องเดินเข่าเข้าหาผู้ที่มารับบริการนวด นอนบนพื้น อยู่ห่างผู้ที่มารับบริการนวด ราว 2 ศอก การนวดต้องสุภาพมาก ใช้อวัยวะได้น้อย และต้องตรงตามจุด มีเอกลักษณ์เฉพาะ มุ่งเน้นการใช้นิ้วมือเป็นหลักในรูปแบบการนวดประเภทนี้
- การนวดแบบเชลยศักดิ์
การนวดแบบนี้จะเรียกว่า เป็นการนวดแบบทั่วไปก็ได้ เพราะกลุ่มเป้าหมาย คือ ชาวบ้านทั่วๆ ไป ไม่ได้มียศศักดิ์แนวทางการนวดจึงค่อนข้างจะเป็นกันเอง สามารถใช้ทั้งมือ เท้า ศอก เข่า ได้ตามสบาย มีทั้งการดัด การดึง การลูบ ใช้เทคนิคต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน
ลักษณะการนวดแผนไทย
- การกด มักจะใช้นิ้วมือเป็นตัวส่งผ่านแรง จะใช้เพียงนิ้วเดียวหรือหลายนิ้วก็ได้ ใช้นิ้วหัวแม่มือเป็นตัวหลัก
- การคลึง คือการหมุนวนเป็นวงกลม ไม่เพียงแค่กดเฉยๆ ยังมีการเคลื่อนที่ไปรอบๆ บริเวณนั้นด้วย จะใช้กับกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่ต้องการออกแรงมาก อาจใช้นิ้วมือ ฝ่ามือหรือส้นมือในการคลึงก็ได้
- การบีบ วิธีนี้จะใช้กันอยู่ทั่วๆ ไป เป็นการใช้แรงกระทำต่อกล้ามเนื้อโดยตรง ต้องการให้กล้ามเนื้อทั้งมัดนั้นมีการผ่อนคลาย
- การบิด คือการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อให้ไปในแนวขวาง เป็นการยืดกล้ามเนื้อเส้นเอ็นและข้อต่างๆโดยการจับกล้ามเนื้อให้เต็มฝ่ามือ แล้วบิดหมุนเป็นลูกคลื่นไปตามกล้ามเนื้อ
- การดัด มักจะใช้กับข้อต่อที่มีการติดแข็ง หรือมีอาการขัดในข้อ ต้องใช้ความชำนาญสูง เพราะอาจเกิดอันตรายได้ง่าย
- การดึง เป็นการหยิบกล้ามเนื้อยืดออก มักใช้กับรายที่มีการหดรั้งของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นต่างๆ ต้องใช้ความชำนาญสูง เพราะอาจเกิดอันตรายได้ง่าย
- การทุบ การเคาะ และการสับ เป็นการออกแรงอย่างเป็นจังหวะ ใช้กำปั้นหลวมๆ ใช้สันมือ หรือใช้ฝ่ามือเคาะสับลงไปตรงบริเวณที่ต้องการเป็นจังหวะ จะใช้กับกล้ามเนื้อใหญ่ เช่น หลัง คอ บ่า ไหล่ เป็นต้น
- การเหยียบ เป็นเทคนิคที่คนโบราณใช้ แต่อาจเกิดอันตรายได้ง่าย เนื่องจากการเหยียบนั้น หากลงน้ำหนักไม่ค่อยได้แม่นยำ อาจเกิดอันตรายสูง บริเวณที่ไม่ควรเหยียบ คือ กระดูกสันหลัง เพราะเป็นทางเดินของไขสันหลัง
ประโยชน์การนวดแผนไทย
- ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด น้ำเหลือง
- ช่วยระบบประสาทให้ทำงานดีขึ้น
- ช่วยทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว และบรรเทาอาการปวดได้
- ช่วยบำบัดรักษาโรคที่มีอาการปวด ตึง ล้า ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
- ช่วยรักษาความยืดหยุ่นของข้อไม่ให้ติดขัด ทั้งยังช่วยให้การทำงานของเนื้อเยื่อต่างๆดีขึ้น
- ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยที่เกิดจากโรค หรือภาวะผิดปกติ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต
- ช่วยในเรื่องการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- ช่วยส่งเสริมสุขภาพ เสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย และจิตใจ และจิตวิญญาณที่ดี
ข้อควรระวังในการนวดแผนไทย
- ห้ามนวดผู้ที่เป็นโรคติดเชื้อทางผิวหนังทุกชนิด
- ห้ามนวดผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ห้ามนวดผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง
- ห้ามนวดผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุน และโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท
- ห้ามนวดผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
- ห้ามนวดผู้ที่เป็นโรคมะเร็ง
- ห้ามนวดผู้ที่เป็นโรค HIV
- ห้ามนวดผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
- ห้ามนวดผู้ที่มีโรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ
- ห้ามนวดบริเวณแผลผ่าตัด
- ห้ามนวดบวิเวณแผลสด บริเวณการอักเสบ
ที่มา: www.dtam.moph.go.th
เป็นอย่างไรบ้างคะ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ได้บ้างนะคะ
Love and Share…..Beauty Town